‘ลีโอนาร์ไดต์’ เปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ให้มีค่า ตอบโจทย์แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
‘ลีโอนาร์ไดต์’ เปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ให้มีค่า ตอบโจทย์แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
- ลีโอนาร์ไดต์ (Leonardite) คืออะไร
“ลีโอนาร์ไดต์” คือ ชั้นดินปนถ่านหิน ที่เกิดจากการทำปฏิกิริยากับออกซิเจนตามธรรมชาติ หรือปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation Reaction) ซึ่งในขั้นตอนการขุดลิกไนต์จากใต้ผิวดินที่เรียงตัวสลับกันกับชั้นดิน จะมีชั้นดินปนถ่านหิน หรือ ลีโอนาไดต์อยู่ ซึ่งถือเป็นถ่านคุณภาพต่ำ ไม่สามารถนำมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าได้ จึงเป็นส่วนที่เหลือทิ้งจากการทำเหมือง ซึ่งมีปริมาณมาก และยังไม่ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์เท่าที่ควร
- ลีโอนาร์ไดต์ในประเทศไทย
ทางภาคเหนือของประเทศไทยมีการผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานจากถ่านลิกไนต์ ที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตั้งอยู่ที่ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง โดยมีการขุดถ่านลิกไนต์มาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งในกระบวนการนี้จะมีลีโอนาร์ไดต์ ปริมาณกว่า 1.1 ล้านตัน (ข้อมูล ณ พฤศจิกายน 2564) หรือเรียกว่าวัตถุพลอยได้จากการทำเหมือง
กฟผ. ได้ศึกษาวิจัยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อหาแนวทางในการนำลีโอนาร์ไดต์ มาใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตร
- ประโยชน์ของลีโอนาร์ไดต์
จากการศึกษาวิจัยของ กฟผ. ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่าลีโอนาร์ไดต์ ของเหมืองแม่เมาะ มีอายุการเกิดกว่า 13 ล้านปี จึงมีปริมาณอินทรีย์วัตถุสูง ประกอบด้วย สารฮิวมิค (Humic substance) 3 ตัวหลัก คือ กรดฮิวมิค (Humic Acid) กรดฟูลวิค (Fulvic acid) และฮิวมิน (Humin) รวมถึงธาตุอาหาร ทั้งธาตุหลักและธาตุรองที่เป็นประโยชน์ต่อพืช โดยที่ Humic substance มีคุณสมบัติในการช่วยปรับปรุงโครงสร้างดิน เพิ่มความสามารถในการอุ้มน้ำ การระบายน้ำและถ่ายเทอากาศ เป็นแหล่งอาหารของจุลินทรีย์ดินที่เป็นประโยชน์ และเพิ่มความสามารถในการดูดซับธาตุอาหาร ช่วยในการเจริญเติบโตของพืช จึงเหมาะแก่การนำมาใช้ในทางการเกษตร โดยนำมาแปรรูปเป็นวัสดุปรับปรุงดิน ผสมเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมี ซึ่งช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้ประมาณ ร้อยละ 50
- ต่อยอดสร้างรายได้สู่ชุมชน
กฟผ. ให้ความสำคัญกับชุมชนรอบพื้นที่เป็นอันดับต้นๆ โดยได้ส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชน อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง นำลีโอนาร์ไดต์ไปผลิตเป็นวัสดุปรับปรุงดินเพื่อใช้งานเองและจำหน่าย เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน โดยปัจจุบัน กฟผ. จำหน่ายลีโอนาร์ไดต์ให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่เมาะ ปีละประมาณ 5,000 – 10,000 ตัน ซึ่งจากการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนดังกล่าว ได้ช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนการซื้อปุ๋ยเคมีลงได้ และยังเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากลีโอนาร์ไดต์ คิดเป็นมูลค่าเพิ่มประมาณ 5 – 7 เท่า หรือปีละกว่า 6.25 ล้านบาท กระจายสู่ชุมชนท้องถิ่นโดยรอบ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาพรวมของชุมชน ช่วยลดการใช้สารเคมีในภาคการเกษตร สำหรับพื้นที่ใน กฟผ.แม่เมาะเองก็ได้นำลีโอนาร์ไดต์มาใช้เป็นส่วนผสมเป็นวัสดุในการปลูกพืช และส่วนผสมปุ๋ยหมักสำหรับแปลงปลูกต้นไม้ในงานฟื้นฟูสภาพเหมือง และแปลงปลูกต้นไม้ต่างๆ อีกด้วย
- ส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
การสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุพลอยได้จากการทำเหมืองแม่เมาะ นอกจากจะเป็นการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy: CE) ของ กฟผ. แล้ว ยังมีส่วนช่วยสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับชุมชนรอบพื้นที่ กฟผ. แม่เมาะ เพื่อให้ชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ กฟผ. ได้เตรียมต่อยอดความร่วมมือโครงการวิจัยกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานอื่นๆ ในการจัดทำแผนพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าลีโอนาร์ไดต์ให้มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดในเชิงธุรกิจ ทั้งการวิจัยผลิตภัณฑ์ การวิจัยสกัดกรดฮิวมิค และกรดฟุลวิคเข้มข้นจากลีโอนาร์ไดต์ มาเพิ่มมูลค่า ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาวตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนของ กฟผ. เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืนในอนาคต
ป้ายกำกับ:#Lifestyle, #กฟผ., #รายงานพิเศษ, #ลีโอนาร์ไดต์, #โควิด-19, #ไทยเสรีนิวส์