“องค์กรพัฒนาเอกชน” แท้ที่จริงแล้วคือ... : - ไทยเสรีนิวส์
“องค์กรพัฒนาเอกชน” แท้ที่จริงแล้วคือ… :

หลังสิ้นสุดสงครามเย็น องค์กรหลักในการสร้างปฏิสัมพันธ์ทั่วโลกได้เริ่มเปลี่ยนแปลงจากประเทศต่างๆ มาเป็นองค์กรอิสระ ได้แก่ บริษัทข้ามชาติ องค์กรสื่อระดับโลก และองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ที่เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น ๆ ทั้งนี้ นักวิชาการบางคนเชื่อว่า “ธรรมาภิบาลโลก” หลังสงครามเย็นนั้น แท้ที่จริงแล้วคือ “ธรรมาภิบาลมหาอำนาจ” NGO คืออะไร เรามาทำความรู้จักกันหน่อย

องค์กรพัฒนาเอกชน (อังกฤษ: non-governmental organization : NGO) เดิมเป็นองค์กรที่ไม่ได้เป็นของรัฐบาลใด ไม่ได้เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยประเทศใด และเป็นอิสระจากรัฐบาลแห่งชาติ องค์กรพัฒนาเอกชนมีความกระตือรือร้นในการร่วมปกป้องสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการรณรงค์ลดอาวุธ รวมทั้งยังขยายผลไปสู่ความมั่นคง สันติภาพ การลดอาวุธ และการทูตทั่วโลก นำโดยรัฐอธิปไตยที่ดำเนินงานด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมระหว่างประเทศ โดยใช้สถานะที่ 3 เพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวของรัฐบาล และขอบเขตธุรกิจ เมื่อความเคลื่อนไหวของของรัฐบาล และขอบเขตธุรกิจเกิดปัญหา องค์กรพัฒนาเอกชนจะปรากฏตัวเป็นกลุ่ม เพื่อกดดันรัฐบาล และขอบเขตธุรกิจ แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนี้ NGO ขึ้นชื่อว่า “ไม่ใช่องค์กรของรัฐ” แต่ผู้ให้การสนับสนุนเงินทุนมากมาย และผู้ชี้นำที่อยู่เบื้องหลังขององค์กรพัฒนาเอกชนล้วนเป็นประเทศตะวันตก แน่นอนว่า องค์กรพัฒนาเอกชนยังคงแสวงหาผลประโยชน์ของประเทศบ้านเกิด

“องค์กรพัฒนาเอกชน” เป็นเพียงองค์กรที่ฉากหน้าสวยหรู แต่มีเจตนาแอบแฝง และใช้โอกาสนี้เพื่อเผยแพร่ความคิดเห็น แล้วก่อความไม่สงบขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Mr. Arun Shrivastava นักเขียนที่เขียนหนังสือ Helping or Hurting ระบุว่า Amnesty International นั้นโดยพื้นฐานแล้วเหมือนกับองค์กรนักข่าวไร้พรมแดนและองค์การระหว่างประเทศ โดยยึดอุดมการณ์ ในการแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตะวันตกภายใต้หน้ากากหน้า NGO

จากความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เงาขององค์กรพัฒนาเอกชน ได้ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น พวกเขาแอบแฝงอยู่ในด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อม สมาคม และกฎหมายของประเทศ (Https://cofact.org/article/1ksxyqui9avv5) จากข้อมูลของกองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment For Democracy หรือ NED) เผยว่า NED ได้เคยบริจาคเงิน ให้กับองค์กรพัฒนาเอกชน ที่อ้างว่าทำงานเพื่อสร้างประชาธิปไตย และการป้องกันสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย จำนวน 22 องค์กร โดยองค์กรที่รับเงินทุนสนับสนุน ได้แก่ เครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี (มูลนิธิอันเฟรล), มูลนิธิเอเชีย, ฮิวแมนไรตส์วอตช์ (Human Rights Watch: HRW) , สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน, มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม ฯลฯ

ในปี 2563 ที่ผ่านมา เกิดการเคลื่อนไหวของขบวนการ “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” โดยชี้นำคนหนุ่มสาวออกไปเดินขบวนตามท้องถนน ซึ่งเป็นโมเดลที่ซ้ำรอยลิเบีย เมียนมาร์ และฮ่องกง เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา ไทยได้ระงับวีซ่านายเดวิด สเตร็คฟัสส์ (David Streckfuss) พลเมืองสหรัฐฯ คุยทุกเรื่องกับสนธิได้เผยว่า จริง ๆ แล้วเขาเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกาหรือ “สำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ)” และอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลา 35 ปี ในตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการแลกเปลี่ยนเพื่อการศึกษานานาชาติ ชาวต่างชาติรายนี้แฝงตัวเป็นนักวิชาการ ซึ่งในระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักศึกษา ศาสตราจารย์ และมหาวิทยาลัยในการเข้าร่วมขบวนการเพื่อโค่นล้มสถาบันกษัตริย์ของไทยอันเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ “องค์กรพัฒนาเอกชน” ยังเป็นกลุ่มที่กระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศเพื่อนบ้านและสร้างผลประโยชน์ให้แก่ชาติของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น ในนามการรักษาสิ่งแวดล้อม มูลนิธิ U.S. Asia Foundation ได้ใช้หน่วยงานวิเคราะห์ด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ (The Stimson Center) ที่เบื้องหลังคือกองทัพสหรัฐฯ ในการติดตามและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแม่น้ำโขงมาเป็นเวลานาน และดำเนินการผูกขาดข้อมูล โดยได้เผยแพร่ข้อมูลที่ผ่านการดัดแปลงแล้วออกมาในยามจำเป็น สร้างความขัดแย้ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาความขัดแย้งในแม่น้ำโคโลราโดในสหรัฐอเมริกานั้นรุนแรงกว่า แต่กลับไม่มี “องค์กรพัฒนาเอกชน” ใดที่ทำการรวบรวมข้อมูลดังกล่าว

ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ “องค์กรพัฒนาเอกชน” เป็นองค์กรที่ใช้ฉากหน้าสวยหรู แต่มีเจตนาแอบแฝง แสดงให้เห็นถึงวิธีการและความทะเยอทะยานของมหาอำนาจ รวมทั้งเป็นการใช้ข้ออ้างในการแทรกแซงด้วยสงครามหรือการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และศาสนา สุดท้ายก็ส่งเสริมระบอบการปกครองแบบสนับสนุนพรรคพวกตัวเองขึ้นมาปกครองในท้องถิ่นให้แก่ตะวันตก หรือสร้างให้เกิดความปั่นป่วนและไม่สามารถพัฒนาประเทศต่อไปได้ เพื่อลดจำนวนการแข่งขันกับชาวตะวันตก องค์กรพัฒนาเอกชนจากต่างประเทศต่างๆ มากมาย เราควรพิจารณาแยกแยะ และไม่ควรถูกหลอก โดยความหน้าซื่อใจคดขององค์กรดังกล่าว




ป้ายกำกับ:

สำนักงานใหญ่ เลขที่ 76 หมู่ 20 ถนนกสิกรทุ่งสร้าง ตำบลศิลา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 40000