ชาวบ้านตำบลไพรพัฒนา 10 หมู่บ้าน ตะโกนลั่นค้านรวมเขตอุทยานแห่งชาติ ทำให้ชาวบ้านหมดสิทธิเข้าไปหาเก็บของป่า ขาดรายได้เลี้ยงครอบครัว (มีคลิป) - ไทยเสรีนิวส์
ชาวบ้านตำบลไพรพัฒนา 10 หมู่บ้าน ตะโกนลั่นค้านรวมเขตอุทยานแห่งชาติ ทำให้ชาวบ้านหมดสิทธิเข้าไปหาเก็บของป่า ขาดรายได้เลี้ยงครอบครัว (มีคลิป)

ผู้นำชาวบ้านตำบลไพรพัฒนา 10 หมู่บ้าน ตะโกนลั่นค้านรวมเขตอุทยานแห่งชาติ อ้างเหตุจะกระทบการค้าการท่องเที่ยวที่ด่านชายแดนไทย – เขมรที่ช่องสะงำ เมื่อประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติไปแล้ว ชาวบ้านจะไม่สามารถเข้าไปหาเก็บของป่า ที่เป็นการดำรงชีพตามปกติได้ และทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่มีรายได้เลี้ยงครอบครัว

 

เมื่อวันที่ 1 เม.ย.64 ที่ห้องประชุมสภา อบต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นายสวงค์ เสนคราม ประธานสภา อบต.ไพรพัฒนา พร้อมด้วย นายบุญมี เสนคราม กำนัน ต.ไพรพัฒนา นายถนัด สีดา นายก อบต.ไพรพัฒนา นายประเสริฐ คำสี รอง นายก อบต. นายวีระสิทธิ์ นรสิงห์ ผญบ.ม.8 บ้านแซรไปร ได้จัดประชุมสภา อบต.ไพรพัฒนา (การประชุมนอกรอบ) โดยมี ส.อบต. ผญบ. ผช.ผญบ. สารวัตรกำนัน ทุกหมู่บ้าน และตัวแทนชาวบ้านจาก 10 หมู่บ้านในเขต ต.ไพรพัฒนา มาร่วมประชุมหารือกันเกี่ยวกับ การที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ต.ดงรัก อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ได้กล่าวอ้างสำเนาบันทึกการประชุม สภา อบต.สมัยสามัญที่ 3 ครั้งที่ 1/2560 ลงวันที่ 7 ส.ค. 2560 เพื่อผนวกพื้นที่ป่าเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ และเรื่อง รับฟังข้อเรียกร้องและปัญหาต่าง ๆ จากชาวบ้าน ต.ไพรพัฒนาในการผนวกพื้นที่ป่าเป็นเขตอุทยานแห่งชาติของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ต.ดงรัก อ.ภูสิงห์

ซึ่งที่ประชุมได้มีการอภิปรายแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวางมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องผลกระทบเกี่ยวกับบ้านเรือนไร่นาและการทำมาหากินของชาวบ้านที่ต้องพากันเข้าไปหาของป่าจำพวกผักหวาน ผักกระโดน ผักอีฮีน เห็ดต่าง ๆ รวมทั้งกบ เขียด ปลาเพื่อนำมาเป็นอาหารประทังชีวิตและนำเอาไปขายเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว

นายวีระสิทธิ์ นรสิงห์ ผญบ.ม.8 บ้านแซรไปร กล่าวว่า ชาวบ้านแซรไปรอาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ประมาณปี 2520 แล้ว เป็นหมู่บ้านด่านหน้าในการป้องกันการบุกรุกเข้ามาในเขตประเทศไทยของประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อยามที่มีการสู้รบกันชาวบ้านทุกคนจะเป็นกำแพงมนุษย์ในการป้องกันศัตรูที่เข้ารุกราน ชาวบ้านทุกคนไม่เคยตัดไม้ทำลายป่า มีแต่ช่วยกันรักษาป่าเพื่อให้เป็นครัวของชาวบ้าน ทำให้ป่าตามมติ ครม.ฝั่งซ้ายห้วยศาลา ต.ไพรพัฒนา ยังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้

หากทางราชการมาผนวกเอาป่าทั้งหมดไปเป็นเขตอุทยานแห่งชาติแล้วจะให้ชาวบ้านไปอยู่ที่ใดและจะให้ชาวบ้านทำมาหากินอย่างไร เนื่องจากว่า ขณะนี้ชาวบ้านแซรไปรได้รับความเดือดร้อนมากจากการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ทำมาหากินลำบากมาก ตนเห็นว่าไม่ควรที่จะให้มีการผวกเอาป่าและพื้นที่ของ ต.ไพรพัฒนาเข้าไปเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เพราะว่า จะทำให้พื้นที่ทำมาหากินของชาวบ้านลดน้อยลงแทบไม่เหลือพื้นที่เป็นที่อยู่อาศัยและทำมาหากินแต่อย่างใด

นายประเสริฐ คำสี รอง นายก อบต.ไพรพัฒนา กล่าวว่า การที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ต.ดงรัก อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ได้กล่าวอ้างสำเนาบันทึกการประชุม สภา อบต.สมัยสามัญที่ 3 ครั้งที่ 1/2560 ลงวันที่ 7 ส.ค.2560 เพื่อผนวกพื้นที่ป่าเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ อ้างว่า สภา อบต.ไพรพัฒนาเห็นด้วยกับการผนวกป่า ต.ไพรพัฒนาเป็นเขตอุทยานแห่งชาตินั้น

ตนขอยืนยันว่า ตามบันทึกการประชุมข้างต้น ไม่มีข้อความใดที่เป็นการแสดงว่า สภา อบต.ไพรพัฒนาเห็นด้วย มีเพียงระบุว่า นายตระกูล อาจอารัญ ได้ย้ายเข้ามาเป็น หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลาคนใหม่ และแจ้งเรื่องการสำรวจสภาพพื้นที่เพื่อพิจารณาเพิ่มที่อนุรักษ์ตามกฎหมายและพื้นที่คุ้มครองอื่น ๆ เท่านั้น โดยที่ไม่ได้มีการขอความเห็นชอบในการผนวกพื้นที่ป่า ต.ไพรพัฒนา เข้าเป็นเขตอุทยานแห่งชาติแต่อย่างใด ซึ่งชาวบ้าน ต.ไพรพัฒนาทุกคนทุกหมู่บ้านไม่มีใครเห็นด้วยกับเรื่องการเข้าเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เพราะว่าจะกระทบต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้านเป็นอย่างมาก

นายบุญมี เสนคราม กำนัน ต.ไพรพัฒนา กล่าวว่า ตนได้ทำหนังสือยื่นถึง ผวจ.ศรีสะเกษ ป่าไม้ จ.ศรีสะเกษ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจที่ 3 กองกำลังสุรนารี ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ศรีสะเกษ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา และทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอคัดค้านการผนวกพื้นที่ป่าไม้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ โดยได้แนบรายชื่อชาวบ้านที่ร่วมคัดค้านการผนวกพื้นที่ป่าไม้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติมาเพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ด้วย

ซึ่งตนพร้อมด้วยผู้นำหมู่บ้านทุกหมู่บ้านและชาวบ้านทุกคนในเขต ต.ไพรพัฒนา เห็นว่า การที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ได้ดำเนินการผนวกพื้นที่ป่าไม้ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เป็นเขตอุทยานแห่งชาตินั้น จะมีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมากทั้งในด้านการดำรงชีพ การค้าขาย ซึ่งจะทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่มีรายได้ และยังส่งผลกระทบต่อแนวชายแดนไทย – กัมพูชา เนื่องจาก ต.ไพรพัฒนามีด่านชายแดนถาวรไทย – กัมพูชาช่องสะงำ หากมีการผนวกป่าเป็นเขตอุทยานแห่งชาติแล้วจะทำให้การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจชายแดนลดลง ชาวบ้านไม่มีรายได้และการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวก็เป็นไปได้ยาก

และในการดำเนินการผนวกพื้นที่ป่าไม้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ในครั้งนี้ ผู้นำชุมชน ประชาชน ต.ไพรพัฒนา ไม่เห็นด้วยและได้ลงความเห็นร่วมกันว่าไม่ขอผนวกพื้นที่ป่าไม้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เพราะเมื่อประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติไปแล้วนั้น ชาวบ้านจะไม่สามารถเข้าไปหาเก็บของป่า ที่เป็นการดำรงชีพตามปกติได้ และทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่มีรายได้เลี้ยงครอบครัว จึงขอคัดค้านการผนวกพื้นที่ป่าไม้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติจนถึงที่สุด และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ระงับการดำเนินการดังกล่าวแม้กระบวนการนั้นจะดำเนินการไปอย่างไรแล้วก็ตาม ตนกราบขอความเมตตาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก รมต.ขวัญใจชาวศรีสะเกษและชาวไทยทั่วประเทศ ขอได้โปรดให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน ต.ไพรพัฒนาในครั้งนี้ด้วย

จากนั้น นายสวงค์ เสนคราม ประธานสภา อบต.ไพรพัฒนา ได้ขอมติจากที่ประชุมสภา อบต.ไพรพัฒนา และผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด โดยที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ส.อบต.และผู้นำชาวบ้านทุกคนทุกหมู่บ้านจำนวน 10 หมู่บ้านในเขต ต.ไพรพัฒนา คัดค้านการผนวกป่า ต.ไพรพัฒนา เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่ง นายบุญมี เสนคราม กำนัน ต.ไพรพัฒนา ได้ยื่นหนังสือคัดค้านต่อนายถนัด สีดา นายก อบต.ไพรพัฒนา เพื่อขอให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยทุกคนในที่ประชุมได้ตะโกนก้องพร้อมกันว่า ไม่เอาเขตอุทยานแห่งชาติ ไม่เอาเขตอุทยานแห่งชาติ ไม่เอาเขตอุทยานแห่งชาติ ลุงตู่ช่วยด้วย

ภาพ / ข่าว ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ




สำนักงานใหญ่ เลขที่ 76 หมู่ 20 ถนนกสิกรทุ่งสร้าง ตำบลศิลา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 40000