จับสายขนไก่ เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020 “เมย์ รัชนก” แก้มือ “ไต้ จือ อิ่ง” คู่ผสม “บาส-ปอป้อ” ร่วมกรุ๊ปออฟเดธ
จับสายขนไก่ เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020 “เมย์ รัชนก” แก้มือ “ไต้ จือ อิ่ง” คู่ผสม “บาส-ปอป้อ” ร่วมกรุ๊ปออฟเดธ
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของศึกใหญ่ที่ประเทศไทยได้สร้างประวัติศาสตร์จัด 3 รายการใหญ่ติดต่อกัน ปิดท้ายด้วยศึก “เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020” ชิงเงินรางวัลรวม 1,500,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 45,150,000 บาท ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ภายใต้มาตรการในรูปแบบนิวนิร์มอล ระหว่างวันที่ 27 – 31 มกราคมนี้ ซึ่งจะมีเพียงนักแบดมินตันที่ทำคะแนนสะสมใน HSBC Road to Bangkok Finals ที่ดีที่สุดอันดับ 1-8 ของแต่ละประเภท และให้สิทธิ์นักกีฬาจากชาติเดียวกันคว้าตั๋วรอบไฟนอลเพียงแค่ 2 ใบในแต่ละประเภทเท่านั้น ที่จะได้ลงชิงชัยและที่สำคัญจะต้องอยู่ในระบบบับเบิ้ลควอรันทีนหรือ OQ จึงจะได้สิทธิ์ลงแข่งขัน เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์ ในสัปดาห์นี้
ในส่วนของทีมนักกีฬาแบดมินตันไทยมี 6 รายที่ทำผลงานคว้าต้๋วผ่านเข้ารอบไฟนอลได้สำเร็จ ประกอบด้วย ประเภทหญิงเดี่ยว “เมย์” รัชนก อินทนนท์ มืออันดับ 5 ของโลก, “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มืออันดับ 13 ของโลก, ประเภทหญิงคู่ “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ คู่มืออันดับ 11 ของโลก และ ประเภทคู่ผสม “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มืออันดับ 3 ของโลก
ล่าสุดเมื่อช่วงสายของวันที่ 26 ม.ค. ทางสหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) ได้ทำการจับสลากแบ่งกลุ่มศึก “เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020” เป็นที่เรียบร้อย โดยแบ่งนักกีฬาออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 4 คู่ ทำการแข่งขันแบบพบกันทั้งหมดในกลุ่มเพื่อนำเอานักกีฬาที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดอันดับ 1-2 ของแต่ละกลุ่มผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ซึ่งรอบรองชนะเลิศจะให้นักกีฬาที่เป็นแชมป์กลุ่มเป็นตัวยืนแล้วจับสลากเอานักกีฬาที่มีคะแนนเป็นอันดับสองในกลุ่มเข้าไปประกบ
ประเภทหญิงเดี่ยว กลุ่มเอ ประกอบด้วย คาโรลิน่า มาริน มืออันดับ 6 ของโลกจากสเปน, อัน เซยอง มืออันดับ 9 ของโลกจากเกาหลีใต้, มิเชล ลี มืออันดับ 10 ของโลกจากแคนาดา และอีฟเกนิย่า โคเซ็ทกาย่า มืออันดับ 25 ของโลกจากรัสเซีย ส่วนกลุ่มบี ประกอบด้วย ไต้ จือ อิ่ง มืออันดับ 1 ของโลกจากไต้หวัน, “เมย์” รัชนก อินทนนท์ มืออันดับ 5 ของโลก, “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มืออันดับ 13 ของโลก และ พูสซาลา วี สินธุ มืออันดับ 7 ของโลกจากอินเดีย
ประเภทชายเดี่ยว กลุ่มเอ ประกอบด้วย วิคเตอร์ อเซลเซ่น มืออันดับ 4 ของโลกจากเดนมาร์ก, โจว เทียนเฉิน มืออันดับ 2 ของโลกจากไต้หวัน, ลี ซีเจี๋ย มืออันดับ 10 ของโลกจากมาเลเซีย และ แอนโทนี่ ซินนิซุกะ กินติ้ง มืออันดับ 6 ของโลกจากอินโดนีเซีย ส่วน กลุ่มบี ประกอบด้วย อันเดรส แอนทอนเซ่น มืออันดับ 3 ของโลกจากเดนมาร์ก, หวัง ซื่อเหว่ย มืออันดับ 12 ของโลกจากไต้หวัน, คีดัมบี้ สีกานห์ มืออันดับ 14 ของโลกจากอินเดีย และ อึ้ง กาลอง อังกุส มืออันดับ 8 ของโลกจากฮ่องกง
ประเภทหญิงคู่ กลุ่มเอ ประกอบด้วย เกรเซีย โพลี่ กับ อาพริยานี่ ราฮายู คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากอินโดนีเซีย , ลี โซฮี กับ ชิน เซืองชาน คู่มืออันดับ 4 ของโลกจากเกาหลีใต้, เชา เหม่ย กวน กับ ลี เหม็งหยวน คู่มืออันดับ 14 ของโลกจากมาเลเซีย และ วิเวียน ฮู กับ แยป เชงเหวิน คู่มืออันดับ 25 ของโลกจากมาเลเซีย ส่วนกลุ่มบี ประกอบด้วย คิม โซยอง กับ กอง ฮียอง คู่มืออันดับ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้, โคลอี้ เบิร์ช กับ ลอว์เรน สมิธ คู่มืออันดับ 18 ของโลกจากอังกฤษ, ลินดา เอฟเลอร์ กับ อิซซาเบล เฮิร์ททริช คู่มืออันดับ 31 ของโลกจากเยอรมนี และ “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ คู่มืออันดับ 11 ของโลก
ประเภทชายคู่ กลุ่มเอ ประกอบด้วย หลี่ หยาง กับ หวัง ชิหลิน คู่มืออันดับ 7 ของโลกจากไต้หวัน, ออง ยิวซิน กับ เตียว อียี่ คู่มืออันดับ 15 ของโลกจากมาเลเซีย, มาร์คัส เอลลิส กับ คริส แลงกริดจ์ คู่มืออันดับ 22 ของโลกจากอังกฤษ และ เบน เลนจ์ กับ ฌอน เวอร์ดี้ คู่มืออันดับ 32 ของโลกจากอังกฤษ ส่วน กลุ่มบี ประกอบด้วย อารอน เชี๊ยะ กับ โซ วูยิค คู่มืออันดับ 9 ของโลกจากมาเลเซีย, โมฮาเหม็ด อัสซาน กับ เฮนดร้า เซทเทียวาน คู่มืออันดับ 2 ของโลกจากอินโดนีเซีย, วลาดิเมียร์ อิวานอฟ กับ อิวาน โซโซนอฟ คู่มืออันดับ 24 ของโลกจากรัสเซีย, ชอย โซวกิว กับ โซว ซอนแจ คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากเกาหลีใต้
ประเภทคู่ผสม กลุ่มเอ ประกอบด้วย มาร์คัส เอลลิส กับ ลอว์เรน สมิธ คู่มืออันดับ 9 ของโลกจากอังกฤษ, “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มืออันดับ 3 ของโลก, ปราวีน จอร์แดน กับ เมลาติ เดว่า อ๊อคตาเวียนติ คู่มืออันดับ 4 ของโลกจากอินโดนีเซีย และ โซว ซอนแจ กับ แช ยูจุง คู่มืออันดับ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้ ส่วน กลุ่มบี ประกอบด้วย มาร์ค แลมฟรุ๊ท กับ อิซซาเบล เฮิร์ททริก คู่มืออันดับ 17 ของโลกจากเยอรมนี, ทอม กีเซล กับ เมลฟิน เดอรูร์ คู่มืออันดับ 15 ของโลกจากฝรั่งเศส, ฮาฟิต ไฟซาล กับ กลอเรีย เอ็มมานูเอล วิดจาจา คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากอินโดนีเซีย และ โก๊ะ ซุนฮวด กับ เชวอน เจมี่ไล คู่มืออันดับ 12 ของโลกจากมาเลเซีย
“เมย์” รัชนก อินทนนท์ มือ 5 ของโลก เผยหลังทราบสายการแข่งขันว่า “สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่สามของการแข่งขัน สภาพร่างกายมีล้าปกติ แต่ตอนนี้ร่างกายฟื้นตัวมาดีขึ้นเรื่อยๆ และการเตรียมตัวสำหรับลงแข่งเวิลด์ทัวร์ไฟนอลส์ไม่มีปัญหาอะไร มีความพร้อมเต็มที่ ในการแข่งขันเวิลด์ทัวร์ไฟนอลส์ คือการชิงชัยของนักกีฬา 8 คนที่สุดที่สุดในแต่ละปีถือว่ามีความยากและท้าทาย เมย์แข่งมา 7-8 ปี ไม่สามารถประมาทใครได้ และไม่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าใคร ต้องการทำผลงานให้ดีที่สุด คิดว่าทุกรอบคือรอบน็อกเอาต์ เพื่อให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง ส่วนสายการแข่งขันหนักพอสมควร ไม่ว่าอยู่กับใคร โดยในครั้งนี้เมย์อยู่สายเดียวกับ น้องหมิว, ไต้ จือ อิ่ง, พีวี สินธุ โอกาส 50-50 ขึ้นอยู่ที่ว่าในวันแข่งเราทำได้ดีแค่ไหน สำหรับเป้าหมายของเมย์ในการการแข่งขันเวิลด์ทัวร์ไฟนอลส์ คือผ่านรอบรองชนะเลิศให้ได้ก่อน และอยากคว้าแชมป์เวิลด์ทัวร์ไฟนอลส์มาครองให้ได้สักครั้ง”
ทางด้าน บาส-เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กล่าวว่า “สภาพร่างกายตอนนี้กลับมาพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว จากการแบ่งสายยากทุกคู่ทุกแมทช์ เพราะคัดเลือดนักกีฬาที่ทำผลงานดีที่สุด 8 คู่ ก็ถือว่าหนัก แต่เราพร้อมจะเจอกับทุกคู่ เป้าหมายของเรายังเกมือนเดิมคือแชมป์”
ส่วน ปอป้อ-ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย กล่าวว่า “สภาพร่างกายพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ เต็มที่กับแมตช์นี้แน่นอน รอบไฟนอลส์นี้มีความยากทุกคู่ค่ะ ทั้ง 8 คู่ที่เข้ามาก็หนักหมด เห็นสายแข่งแล้วก็ค่อนหข้างหนัก แต่สู้เต็มที่แน่นอน ตั้งเป้าทำให้ดีที่สุดทุกแมตช์ และจะพยามคว้าแชมป์มาฝากคนไทยให้ได้”
โดยหลังจากจับสายการแข่งขันออกมาเป็นที่เรียบร้อยทาง คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC), นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า “ผลการแบ่งกลุ่มในศึกเอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ ที่ออกมาต้องถือว่าในประเภทคู่ผสมบาสกับปอป้อ ต้องอยู่ในกลุ่มที่หนักมากๆ เรียกได้ว่าเป็นกรุ๊ปออฟเดธเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ปราวีน จอร์แดน กับ เมลาติ เดว่า อ๊อคตาเวียนติ จากอินโดนีเซีย, ซอง แซโจว กับ แช ยูจุง จากเกาหลีใต้ ต่างก็เป็นคู่ชั้นนำของโลกและต่อสู้กับคู่ของเราได้อย่างคู่คี่สูสีมาโดยตลอด แต่ในช่วงนี้ต้องยอมรับว่าบาสกับปอป้อกำลังมีความมั่นใจในฟอร์มการเล่นที่ดี เชื่อว่าทั้งคู่น่าจะทำผลงานออกมาได้เป็นอย่างดีและผ่านเข้าไปสู่รอบรองได้สำเร็จ ทั้งนี้นับเป็นการสร้างเกียรติประวัติให้กับผลงานของทั้งบาสและป้อ ที่คว้าแชมป์แรกในระดับ 1000 และยังเป็นการคว้าแชมป์ back to back ติดต่อกันใน 2 สัปดาห์เป็นครั้งแรกของตัวเอง”
“ส่วนประเภทหญิงเดี่ยวเป็นที่น่าเสียดายที่ทั้งเมย์และหมิวต้องมาอยู่ร่วมกลุ่มเดียวกัน และมีทั้งมือ 1 โลก ไต้ จือ อิ่ง กับ พูสซาลา วี สินธุ อดีตแชมป์โลก 2019 จากอินเดีย ร่วมในกลุ่ม ทำให้การแข่งขันในกลุ่มนี้สนุกคู่คี่สูสีกันทุกคู่ หากเมย์รักษาฟอร์มการเล่นที่ทำได้ดีในการแข่งขัน โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น ที่ผ่านมา โดยเมย์กลับมาโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมอีกครั้งหลังจากรายการที่แล้วเอาชนะสินธุได้อย่างสูสี เชื่อมั่นว่าโอกาสที่เมย์จะทำผลงานผ่านเข้าไปสู่รอบรองได้ก็มีไม่น้อยเช่นกัน”
“ด้านหญิงคู่ กิ๊ฟกับวิวสร้างผลงานเข้าชิงรายการระดับ 1000 ได้เป็นครั้งแรก คู่นี้ถือว่าเป็นนักกีฬาที่มีโอกาสสูงที่สุดที่จะผ่านเข้าไปเล่นในรอบรอง เพราะอยู่ในกลุ่มที่ไม่หนักมากและน่าจะได้แก้มือกับคู่ คิม โซยอง กับ กอง ฮียอง จากเกาหลีใต้ กันเป็นรายการที่สามติดต่อกัน นอกจากนั้นยังมีกรุ๊ปออฟเดธที่น่าติดตามในประเภทชายเดี่ยวที่มีทั้ง วิคเตอร์ อเซลเซ่น จากเดนมาร์ก, โจว เทียนเฉินจากไต้หวัน, ลี ซีเจี๋ย จากมาเลเซีย, แอนโทนี่ ซินนิซุกะ กินติ้ง จากอินโดนีเซีย ที่ต้องมาอยู่ร่วมกลุ่มเอด้วยกัน ฝากให้แฟนๆ แบดมินตันชาวไทยร่วมกันชมและเชียร์นักแบดมินตันไทยสู้ศึก เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020” ระหว่างวันที่ 27 – 31 มกราคม ผ่านการถ่ายทอดสดทางทรูวิชั่นส์ไปด้วยกัน” คุณหญิงปัทมา กล่าว
สำหรับศึก “เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020 จะมีการถ่ายทอดสดผ่าน 3,000 ล้านครัวเรือนทั่วโลก ส่วนในประเทศไทยสามารถชมการถ่ายทอดสดได้หลากหลายช่องทาง ทั้ง ทรูวิชั่นส์, ทรูโฟร์ยู, ทรู ยูทูป, ทรู เฟซบุ๊ก และทรูไอดี โดยทรูวิชั่นส์ ถ่ายทอดสดทุกคู่การแข่งขัน ตั้งแต่เวลา 11.00 น. ผ่านทาง Truesports HD3 ช่อง 668, Truesports 7 ช่อง 686 และ Truesports HD2 ช่อง 667 และรับชมผ่านทางทรูโฟร์ยู วันพุธ (27 ม.ค.) ระหว่างเวลา 16.30 – 20.00 น., วันพฤหัสบดีและวันศุกร์ (28-29 ม.ค.) ระหว่างเวลา 14.30 – 20.00 น. วันเสาร์ (30 ม.ค.) ระหว่างเวลา 17.00 – 20.00 น. และวันอาทิตย์ (31 ม.ค.) ระหว่างเวลา 14.30 – 18.00 น.