เร่งระบายน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 จชต. ลดผลกระทบต่อประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตร
สำนักงานชลประทานที่ 17 เร่งระบายน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ลดผลกระทบต่อประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตร ขณะที่จังหวัดนราธิวาส ประชาชนได้รับผลกระทบจากอุทกภัย กว่า 80,000 คน ในพื้นที่ 13 อำเภอ
วันที่ 8 ม.ค.64 นายเฉลิมชัย ตรีนรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 17 กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางโครงการชลประทานในสังกัดสำนักงานชลประทานที่ 17 ได้แจ้งเตือนภัยน้ำล้นตลิ่งไปแล้วรวม 13 ฉบับ อีกทั้งให้ความช่วยเหลือ โดยสั่งการให้ทุกโครงการชลประทานในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ยะลา และปัตตานี ระดมเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดันน้ำ เข้าไปเสริมจากที่มีอยู่เดิม เพื่อเร่งระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำ พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับประตูระบายน้ำทุกแห่งให้เปิดบานพ้นน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ลงสู่อ่าวไทย ลดผลกระทบต่อประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตรให้เร็วที่สุด ล่าสุดได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ รวม 14 พื้นที่ ดังนี้ จังหวัดนราธิว่า 18 เครื่อง จังหวัดปัตตานี 4 เครื่อง สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า 11 สถานี สถานีสูบน้ำด้วยระบบไฮดรอลิค 7 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ 8 เครื่อง ช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วมขังและเร่งระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำ ภาพรวมคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 5-7 วัน สถานการณ์จะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ
ขณะที่สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส มีพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้วทั้ง 13 อำเภอ ใน 37 ชุมชน 68 ตำบล 420 หมู่บ้าน 22,308 ครัวเรือน 80,836 คน สถานศึกษา 34 แห่ง วัดและที่พักสงฆ์ 7 แห่ง มัสยิด 6 แห่ง มีผู้อพยพ 85 ครัวเรือน 295 คน ปัจจุบันปริมาณน้ำในลุ่มน้ำ 3 สายหลัก ลุ่มน้ำสายบุรี ลุ่มน้ำโก-ลก ลุ่มน้ำบางนรา อยู่ในเกณฑ์ล้นตลิ่ง ทางจังหวัดนราธิวาส อำเภอทุกอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน และมีการเตรียมความพร้อมเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง 24 ชั้วโมง
ข่าว/กรียา/นราธิวาส